หลังจาก คณะผู้พิพากษาทั้ง 16 คน ของศาลโลก ได้ปฏิเสธคำร้องของไทย และ ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ด้วยมติ 11 ต่อ 5 ตามที่กัมพูชาร้องขอมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้ทั้ง 2ฝ่าย ตั้งเขตปลอดทหารใน 4 จุด ให้กำลังทหารทั้ง 2 ประเทศ ต้องถอนหรือถอย ออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารทั้งหมด อาจรวมไปถึงพื้นที่ทับซ้อนทิศตะวันตก 4.6 ตร.กม. และมี มติ 15 ต่อ 1 ไทยจะต้องให้ความร่วมมือไม่ขัดขวางการส่งเสบียงหรือกำลังบำรุง (อาหารและน้ำให้กับประชาชนที่ไม่ใช่ทหาร) ของกัมพูชา ไม่ปิดทางเข้าออกตัวปราสาท ไทยจะต้องไม่ขัดขวางการพัฒนาพื้นที่ของกัมพูชา ทั้งยังต้องสนับสนุนให้กัมพูชาพัฒนาพื้นที่ด้วย รวมทั้งต้องให้คณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียน เข้าไปในพื้นที่ได้โดยไม่มีการขัดขวาง รวมถึงกำหนด ให้ทั้ง2 ประเทศรายงาน การปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกอย่างเป็นทางการด้วย
มีการตั้งข้อสังเกตจากนักวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศ ว่า มาตรการของศาลโลก ไม่ได้ชี้ว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ที่เป็นปัญหามีการอ้างสิทธิ์เ ป็นเจ้าของพื้นที่ทั้ง 2ฝ่าย ส่วนไหนเป็นของประเทศใด เมื่อศาลโลกมีคำตัดสินออกมาอย่างที่เห็น จะถือว่าเรื่องชายแดนโดยเฉพาะกรณีความขัดแย้ง ปราสาทและรอบๆเขาพระวิหาร ทั้งไทย-กัมพูชา กล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ จบลงหรือไม่ อย่างไรยังไม่มีใครสามารถชี้ขาดได้ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องตีความคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกอย่างละเอียด
มีการวิเคราะห์กันว่า เมื่อศาลโลกมีคำสั่งให้ถอนทหารทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะทำให้พื้นที่ปัญหาลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งจากเดิม คือ จากพื้นที่ 4.6 ตร.กม. เหลือเพียงประมาณ 3.5-3.7ตร.กม. จะเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่? ต้องรอความชัดเจน หลังทั้ง2 ฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก เข้าทำนอง"สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร "
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน จะยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก และจะมีแนวนโยบายมาตรการอะไรออกมาอีกหรืือไม่ รวมไปถึงต้องจับตาสถานการณ์บริเวณชายแดนของทั้ง 2ประเทศจะตึงเครียด หรือผ่อนคลายลงอย่างไร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกัน อย่างใกล้ชิดต่อไปอีก
มีการตั้งข้อสังเกตกันในหมู่นักวิเคราะห์ระหว่างประเทศ จุดมุ่งหมายของศาลโลกในเบื้องต้นที่มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวออกมา เนื่องจากมีเป้าหมาย ต้องการยุติปัญหาการเผชิญหน้า หรือมีการปะทะกันของกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่ายจนเกิดความสูญเสีย ก่อนเป็นอันดับแรก อย่างน้อย ก็ไม่ได้แสดงว่าต้องการช่วย หรือเข้าข้างกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว
จบจากเรื่อง"เขาพระวิหาร" ที่รัฐบาลกัมพูชาร้องขอให้ศาลโลกพิจารณาออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารแล้ว
วันนี้ ก็ต้องหันกลับมาลุ้นการเมืองภายในประเทศบ้าง กรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. จะพิจารณารับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยในวันนี้หรือไม่ ภายหลังจากที่ 5 เสือ กกต. กลาง สั่งแขวน นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่1 ของพรรคเพื่อไทยไว้ เพื่อพิจารณาคำร้องเรียน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า ว่านายสมชาย-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกโทษเบนการเมือง ออกมาช่วยนส.ยิ่งลักษณ์หาเสียง ในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และข้อหาผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ การเมือง 5ปี เข้ามายุ่งเกี่ยวกับนโยบายหาเสียงในพรรค ถึงขนาดมีการออกแคมเปญ"ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"
เนื่องจากจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพราะพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงในสภามากที่สุดในตอนนั้น ไม่มีมติแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านเนื่องจาก อาจจะหาผู้ที่เหมาะสมไม่ได้ และเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค พักเรื่องความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ แบบที่ทำให้ไทย สุ่มเสี่ยงสูญเสียอธิปไตยไว้ชั่วคราวก่อน แล้วเดินหน้าภายในประเทศทำขั้นตอนทำให้มีรัฐบาลชุดใหม่ตัวจริงเสียงจริง หลังจากการเลือกตั้ง เพื่อรัฐบาลชุดใหม่จะได้ทำงานให้ประเทศได้อย่าง สะดวกและราบรื่น รวมไปถึง แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชา ในเรื่องเขาพระวิหาร ที่เป็นประเด็นร้อนสุดๆในตอนนี้ด้วย
ศาลโลกมีเป้าหมายลดการเผชิญหน้า หรือสถานการณ์เสี่ยงปะทะกันตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนรัฐบาลชุดใหม่ของไทยภายใต้การนำ นส.ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่คาดว่า จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการหลัง กกต.ประกาศรับรองส.ส. และผ่านขั้นตอนในสภาแล้ว ก็มีเป้าหมายสำคัญ ที่ประชาชนคนไทยทุกคน คาดหวังเช่นกัน โดยเฉพาะแก้ปัญหา กรณี"เขาพระวิหาร"ที่กำลังร้อนแรง ซึ่งก็เหลือเพียงหนทางเดียว คือ ต้องรักษาปกป้องอธิปไตย และ ผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น