"ปณิธาน" เชื่อ แนวโน้มกัมพูชา หันกลับมาใช้ กลไกทวิภาคีเจรจาเขตแดนกับไทยอีกครั้ง ชี้กัมพูชาเองก็คาดไม่ถึงศาลโลกสั่งให้ตัวเองต้องถอนทหารด้วย ทั้งที่เป็นฝ่ายร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ประเมินเบื้องต้น ไทยต้องถอนทหาร8.5ตร.กม. ส่วนเขมร 8.7ตร.กม.
เมื่อเวลา 12.40น. วันที่ 19 ก.ค. รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับกับทีมข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า จากการประเมินเบื้องต้น หลังจากที่ศาลโลกมีคำสั่งให้ทั้ง 2 ฝ่าย ถอนทหารออกจากพื้นที่ ปราสาทพระหารและบริเวณโดยรอบแล้ว ทางกรมแผนที่ทหารของไทย ประเมินว่า ไทยจะต้องถอนทหารออกมาเป็นพื้นที่ 8.5 ตร.กม. ส่วนฝั่งกัมพูชากินพื้นที่ 8.8 ตร.กม. รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 17.3 ตร.กม. อันนี้ต้องออกตัวก่อนว่ายังเป็นการประเมินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ไม่ทราบว่าทางฝั่งกัมพูชา จะมีความเห็นอย่างไร
ทั้งนี้ รศ.ดร. ปณิธาน ชี้อีกว่า ถ้าใช้แผนที่ของฝั่งกัมพูชาอ้างแต่เดิม ทางกัมพูชาอาจต้องถอนทหารถึงกว่า 13 ตร.กม. ดังนั้น เชื่อว่า สิ่งนี้จะทำให้ทางกัมพูชาต้องพิจารณาใหม่ เนื่องจากเชื่อว่าทางกัมพูชาเอง ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า ถึงแม้จะเป็นฝ่ายนำเรื่องเข้าไปฟ้องไทย และขอให้ศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว แต่สุดท้ายตัวเองก็ต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ส่วนตัวเชื่อว่า มีแนวโน้มกัมพูชาอาจจะต้องตัดสินใจกลับมาใช้กลไกทวิภาคีการประชุมเจบีซีและจีบีซี ที่มีอยู่เดิมในการเจรจา ทั้งนี้อาจต้องรอให้ไทยมีรัฐบาลใหม่ก่อน
รศ.ดร.ปณิธาน กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ยังไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลโลก และได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ไปกำหนดแนวทางการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา ในขั้นตอนการปฏิบัติถอนทหารทั้ง 2 ฝ่าย โดยนายกฯ ยังได้สั่งให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ไปประชุมหารือและจัดทำข้อเสนอ และข้อมูลข้อเท็จจริงมาทั้งหมด เพื่อใช้ในการตัดสินใจดำเนินการ รวมไปถึงในด้านกฎหมายด้วย ส่วนใดที่ทำได้ก่อนก็จะดำเนินการ ส่วนใดต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ ก็คงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แล้วค่อยไปเจรจากับทางกัมพูชา เรื่องการถอนทหารอีกครั้ง
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น