วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กรมศิลป์หมดปัญญากู้วัดไชยฯ รอน้ำลด

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ จ.ลำปาง นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมด้วย นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายจากพายุฝนเมื่อต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมา
นางสุกุมล กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ ฐานบัวปากระฆัง และมาลัยเถาว์ ด้านทิศตะวันตกของพระธาตุหมื่นครื้น ที่มีอายุเก่าแก่ กว่า 1,300 ปี พังทลายลงมา ทั้งนี้สำนักศิลปากร ที่ 7 น่าน ได้เร่งดำเนินการบูรณะด้วยการเสริมคานคอนกรีตเสริมเหล็กตั้งแต่ฐานเขียนไปถึงองค์ระฆังเพื่อยึดเหนี่ยวไม่ให้แตกตัว ส่วนอิฐใต้องค์ระฆังที่พังทลายลงมานั้น จะเสริมอิฐให้มีความแข็งแรงรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น ส่วนบริเวณอื่นๆ ที่เสียหาย จะเปลี่ยนอิฐที่เสื่อมสภาพออกแล้วเปลี่ยนอิฐใหม่แทน นอกจากนี้ จะมีการก่อสร้างรางระบายน้ำออกและป้องกันความชื้นที่จะส่งผลกระทบต่อพระธาตุ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอของบกลางในการบูรณะซ่อมแซม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 5 ล้านบาท
ด้านนางโสมสุดา กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ว่า สถานการณ์น้ำที่บริเวณวัดไชยวัฒนาราม มีระดับสูงขึ้นจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ถึง 20 เซนติเมตร ส่งผลให้กรมศิลปากรไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียได้ และไม่สามารถปฏิบัติงานตามแผนงานที่จะมีการสูบน้ำออกจากวัดไชยวัฒนารามได้ภายใน 2 - 3 วันนี้ ซึ่งคงต้องรอให้ระดับน้ำลดลงกว่านี้ก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ เจดีย์ขนาดเล็กรอบวัดไชยฯ ที่แช่น้ำมาหลายวัน พบว่า ปูนซีเมนต์ที่ฉาบไว้ได้หลุดร่อนออกเหลือเพียงก้อนอิฐเท่านั้น ซึ่งหากแช่น้ำนานกว่านี้อาจทำให้องค์เจดีย์พังทลายได้
"ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปกู้โบราณสถานโดยเฉพาะวัดไชยฯ เพราะกระแสน้ำแรงและปริมาณน้ำก็สูงมากขึ้น รถที่จะเข้าไปทำงานเข้าไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมศิลป์เฝ้าสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อรอน้ำลด จากนั้นจะเร่งดำเนินการออกจากวัดไชยฯทันที" นางโสมสุดา กล่าว

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีโบราณสถานในจ.พระนครศรีอยุธยาที่น่าห่วงอีกหลายแห่ง ได้แก่ วัดเชิงท่า วัดเจ้าย่า ซึ่งแช่น้ำมาเดือนกว่าแล้ว รวมถึงโบราณสถานฝั่งอโยธยา ซึ่งน้ำได้ท่วมทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่ามีโบราณสถานในจังหวัดลพบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยเฉพาะที่ลพบุรีที่อำเภอบ้านหมี่ วัดไลย์ ได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ต้องพายเรือเข้าไปเฝ้าระวังภาพจิตรกรรมฝาผนัง และลายปูนปั้น

"สมเด็จเกี่ยว"ปล่อยขบวนคาราวานช่วยวัดน้ำท่วม

ที่วัดสระเกศฯ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานปล่อยขบวนคาราวาน ศูนย์ช่วยเหลือวัดและผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะสงฆ์ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) โดยจะนำเครื่องอุปโภค บริโภคพร้อมทั้งปัจจัยรวมเป็นเงิน 1,350,000 บาท ไปถวายวัดในพื้นที่ประสบภัย ที่จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี และสระบุรี ซึ่งมีวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้รวม 189 วัด
ด้านพระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศฯ กล่าวว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงห่วงพระสงฆ์และประชาชนที่ประสับภัยน้ำท่วมเป็นอย่างมาก จึงมอบหมายให้สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ขอความร่วมมือวัดทุกวัดที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมทั่วประเทศ บิณฑบาต ข้าวสาร อาหารแห้ง ในช่วงออกพรรษา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)และวัดประจำจังหวัดเป็นศูนย์กลางรวบรวมอาหารแห้งต่างและปัจจัยต่างๆ ในการนำส่งมอบต่อไปยังพระสงฆ์และผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามพื้นที่ต่างๆต่อไป
ขณะเดียวกันสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ยังเปิดเป็นศูนย์รับบริจาคสิ่งของและปัจจัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย โดยประชาชนสามารถนำสิ่งของต่างๆโดยเฉพาะน้ำดื่มมาบริจาคที่ 1. ศูนย์ช่วยเหลือวัดและผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะสงฆ์ ตั้งอยู่ที่ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2620-2280 2. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยฝ่ายธรรมวิจัย วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2222-2835 และฝ่ายธรรมวิจัย มจร วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. 035-248000
ที่มา www.komchadluek.net/detail/20111006/111113/กรมศิลป์หมดปัญญากู้วัดไชยฯรอน้ำลด.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น