วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระดมกู้'วัดไชยวัฒนาราม'น้ำท่วม

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 4 ต.ค.2554 ทหารจากจังหวัดทหารบกสระบุรี และคนงานสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จำนวนกว่า 50 นายได้เร่งนำกระสอบทรายมาวางตามแนวถนนด้านหน้าวัดไชยวัฒนาราม ที่ถูกน้ำท่วมจนข้ามถนนตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกัน ซึ่งระดับน้ำยังแรง แต่จนท.ก็พยายามเร่งวางแนวกระสอบทรายให้มีความสูงจากพื้นถนนประมาณ 50-80 ซม.ตลาดระยะทาง 3 ก.ม.ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำท่วมถนนสายวัดไชยวัฒนาราม ตั้งแต่ด้านหน้าวัดไชยวัฒนาราม ยาวไปทางด้านหลังโบราณสถาน
นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปอำนวยการด้วยตนเอง โดยเปิดเผยว่าจะทำการกู้โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ด้วยการวางแนวกระสอบทรายบนถนนหน้าวัดไชยวัฒนารามให้เสร็จ จากนั้นก็จะนำดินลงไปทับเป็นคันกั้นน้ำ เมื่อวางแนวตามถนนนี้เสร็จก็จะเข้าไปนำกระสอบทรายไปทิ้งที่แนวป้องกันที่แตกด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำงานกันทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อกัน้ได้แล้วจึงจะทำการสูบน้ำออกทันที โดยคาดว่าจะใช้เวลาภายใน 3 วันสามารถกู้วัดไชยวัฒนารามได้

ปราสาทหินพิมายน้ำท่วมสูงกว่า30ซม.

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่าภายหลังจากในพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ นาลแก ทำให้เกิดฝนตกหนักลงมาในพื้นที่ นานกว่า 10 ชั่วโมง ส่งผลให้เมื่อวันที่ 3 ต.ค.54 ในหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร และลดลงอย่างต่อเนื่องจนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งต่างจากที่อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพิมาย ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณวัตถุที่ขึ้นชื่อของ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ที่ดูแลปราสาทหินพิมาย ต้องเร่งนำเครื่องสูบน้ำจำนวน 4 เครื่อง มาติดตั้งบริเวณรอบปราสาทหินพิมาย เพื่อเร่งระบายน้ำที่ยังคงท่วมขังอยู่ภายในปราสาทหินพิมายสูงกว่า 30 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ปราสาทหินพิมาย เกิดการทรุดตัวจากการที่พื้นดินต้องอุ้มน้ำเป็นเวลานาน
นายดุสิต ทุมมากร หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมขังตัวปราสาทที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องมาจากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 ต.ค. จนถึงช่วงสายวันที่ 3 ต.ค.2554 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังโดยรอบตัวปราสาท ในส่วนของกำแพงเมืองและประตูเมืองรอบนอกทั้ง 4 ทิศ ประกอบกับการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพื่อลงสู่ลำน้ำมูลนั้นทำได้ค่อนข้างช้าเนื่องจากปริมาณน้ำในลำน้ำมูลสูงกว่าท่อระบายน้ำ การระบายน้ำตามปกติจึงไม่ได้ผล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาดกลาง เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้ว อีก 3 เครื่อง มาช่วยสูบน้ำออกจากบริเวณปราสาทหินพิมาย ซึ่งล่าสุดสถานการณ์ ณ ปัจจุบันทางอุทยานประวัติศาสตร์พิมายได้สูบน้ำออกจากบริเวณปราสาทจนแห้งสนิทแล้ว
นายดุสิต กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าน้ำที่ท่วมขังตัวปราสาทในครั้งนี้จะท่วมอยู่ไม่นานหนัก แต่ก็อาจจะส่งผลต่อรากฐานของปราสาทบ้าง โดยเฉพาะในส่วนที่ถูกน้ำท่วมเป็นประจำอย่างเช่นที่ประตูและกำแพงปราสาทด้านทิศเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำจักราช ลำน้ำสาขาของลำน้ำมูล แต่หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ทางอุทยานฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางรัฐบาลจำนวน 25 ล้านบาทเพื่อทำการบูรณซ่อมแซมมาแล้ว ซึ่งกำหนดการเดิมจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2555 ที่จะถึงนี้ แต่ก็ต้องมาประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังคงมั่นใจว่ารากฐานของตัวปราสาทและส่วนประกอบโดยรอบยังคงมั่นคงแข็งแรงดี แต่ทั้งนี้ด้วยอายุของปราสาทที่เก่าแก่เกือบ 1 พันปี อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวหาทางป้องกันเหตุน้ำท่วมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะให้โบราณสถานแห่งนี้เสียหายได้
แนวทางและวิธีป้องกันในเบื้องต้นที่ทางอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ได้เตรียมการไว้ คือ ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังทางสำนักชลประทานในพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำมูลอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ทราบว่าปริมาณน้ำก้อนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ตอนบนของอำเภอพิมาย จากอิทธิพลของพายุนาลแก จะไหลเข้ามาสมทบกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ภายในลำน้ำมูลที่ปริ่มจะล้นตลิ่งอยู่ในขณะนี้ภายใน 2 วันข้างหน้า ซึ่งทางอุทยานฯได้มีการเตรียมกระสอบทรายทำเป็นแนวกั้นน้ำริมลำน้ำมูลและลำน้ำสาขาทั้งหมดไว้รอบตัวปราสาทไว้แล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมแนวกระสอบทรายให้มีความสูงและความมั่นคงแข็งแรงขึ้นอีกชั้น ซึ่งจะต้องใช้กระสอบทรายรวมแล้วประมาณ 30,000 ใบ โดยได้ร้องขอการสนับสนุนกระสอบทรายไปยังทางกองทัพภาคที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วและคาดว่ากระสอบทรายทั้งหมดจะมาถึงภายใน 1 - 2 วันนี้

รมว.สธ.ย้ำช่วยเหลือประชาชนที่อพยพหนีน้ำ

นายวิทยา บุรณศิริ รมว.กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 1เดินทางไปตรวจเยี่ยมรพ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา และมีกระแสข่าวว่าน้ำอาจจะทะลักท่วมเข้ามา โดยรมว.สาธารณสุข ได้หารือกับผู้บริหารของโรงพยาบาล เพื่อที่จะเตรียมแผนในการอพยพผู้ป่วย กรณีเกิดน้ำท่วม โดยเน้นย้ำให้โรงพยาบาลได้ประสานกับทางอำเภอในการออกไปให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนที่อาศัยอยู่ตามใต้สะพาน และอาศัยอยู่กับบ้านฉุกเฉินของป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่อยู่ริมถนนให้มากยิ่งขึ้น

ลำปางประชุมรับมือพายุ"นาลแก"

ที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ เทศบาลนครลำปาง นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ปลัดจังหัดลำปาง ได้เป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครลำปางและเทศบาลเมืองเขลางค์นคร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย เทศบาลนครลำปาง สำนักงานชลประทานจังหวัด แขวงการทางจังหวัดลำปาง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลำปาง การรถไฟลำปาง สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง (ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง) ร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหา ร่วมถึงการเตรียมรับมือพายุ นาลแก ที่กำลังจะเข้าสู่ประเทศไทยในอีก 2 วันนี้ที่ประชุมมีมติในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอย่างหนัก คือ หมู่บ้านทองประเสริฐ และบริเวณสี่แยกภาคเหนือไปจนถึงทางเข้าหมู่บ้านหนองยาง ให้เจาะเกาะกลางถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าทางเข้าวัดนาก่วมใต้เพื่อวางท่อระบายน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำลงท่อระบายออกไปสู่แม่น้ำวังให้เร็วที่สุด

ส่วนบริเวณสี่แยกภาคเหนือให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 3 จุด เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำวัง และคลองชลประทาน ซึ่งจะเป็นการเร่งระบายให้เร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายปัญหาในขณะนี้ และเตรียมรับมือพายุโซนร้อน "นาลแก" ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ในช่วงระยะตลอดสัปดาห์นี้นายพงค์กร รัตนประเวศน์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครลำปาง กล่าวว่า หลังจากที่ปริมาณน้ำบริเวณ ถนนป่าขาม พระบาทหนองหมู และหมู่บ้านสุขสวัสดิ์ แห้งลง เทศบาลนครลำปาง ได้ส่งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยออกให้บริการล้างถนนและบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม โดยประชาชนสามารถนำเศษสิ่งปฏิกูล หรือขยะที่มาจากน้ำท่วมครั้งนี้รวบรวมไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ทางเทศบาลนครลำปางเก็บกวาด รักษาความสะอาด นอกจากนี้ เทศบาลนคร ร่วมกับ โรงพยาบาลลำปาง ได้ออกเยี่ยมเยียน และแจกจ่ายยาสามัญประจำบ้านแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
สำหรับ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครลำปาง มี 3 จุด ได้แก่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เทศบาลนครลำปาง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยโรงเรียนบ้านปงสนุก และศูนย์บริการสาธารณสุข 3 สุขสวัสดิ์ ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบภัยสามารถแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ สอบถามรายละเอียด และรายงานสถานการณ์ ได้ที่ 199 ตลอด 24 ชั่วโมง

ม.เนชั่นลำปางมอบน้ำดื่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น วิทยาเขตภาคเหนือ (โยนก) จังหวัดลำปาง กล่าวว่าจากการที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ในเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง และอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่บ้านนาแก้วตะวันตก หมู่ 4 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งมีราษฎรพักอาศัยอยู่ 310 ครัวเรือน 1,140 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้าสู่หมู่บ้านและบ้านเรือนราษฎร ตลอดจนถึงถนนในหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละจุดมีความลึกถึง 1-2 เมตร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ดังนั้น มหาวิทยาลัยเนชั่น วิทยาเขตภาคเหนือ (โยนก) จังหวัดลำปาง พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ แพทย์หญิงสยมพร ศิรินาวิน โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้บริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่น เล็งเห็นถึงความสำคัญกับปัญหาทางภัยธรรมชาติที่กระทบถึงประชาชนในจังหวัดลำปาง จึงได้นำน้ำดื่มชานม เมจิกฟาร์ม จำนวน 210 กล่อง รวม 5,040 ขวด และข้าวสาร จำนวน 100 ถุง มอบให้กับนางจิตภา ขัดเรือน ผู้ใหญ่บ้านนาแก้วตะวันตก หมู่ 4 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง เพื่อแจกจ่ายกับราษฎร ที่ได้รับความเดือดร้อนประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้าสู่หมู่บ้านและบ้านเรือนราษฎร มหาวิทยาลัยเนชั่น วิทยาเขตภาคเหนือ (โยนก) จังหวัดลำปาง เชื่อว่าจะเป็นกำลังใจ และสามารถช่วยเหลือ พี่น้องชาวบ้านนาแก้วตะวันตก ที่กำลังประสบภัยภิบัติทางธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง

น้ำท่วมถนนพรานกระต่าย-สุโขทัยรถผ่านไม่ได้

เมื่อเวลา 19.00 น.ระดับน้ำป่าจากน้ำป่าบ้านหนองตระกร้า บ้านโพธิ์พัฒนา บ้านเขาสว่าง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ที่ไหลผ่านถนนสายกำแพงเพชร-สุโขทัย ที่อำเภอพรานกระต่าย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะนี้มีระดับน้ำสูงกว่า 40 เซนติเมตรแล้วระยะทางยาว 2 กิโลเมตร รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้ แม้แต่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ยังดับ จึงต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางสายอื่น หากมาจากจังหวัดสุโขทัย จะเข้ากำแพงเพชร ต้องใช้เส้นทางคุยบ้านโอง เขาคีรีส ทะลุ บ้านป่าถั่ว ถนนสายกำแพงเพชร พิจิตร แต่เส้นทางดังกล่าวจะมีเส้นทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง
ส่วนสาเหตุนั้น เนื่องจากฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืน ได้หลากเข้าท่วม บ้านเรือน ตลาด ห้างโลตัสและโรงเรียน รวมทั้งโรงพยาบาลอำเภอพรานกระต่าย ซึ่งขณะนี้ ที่โรงพยาบาลอำเภอพรานกระต่าย แพทย์พยาบาลและคนไข้ ติดอยู่ในอาคารของโรงพยาบาลไม่สามารถเข้าออกไปมาได้ เนื่องจากรอบโรงพยาบาล มีแต่น้ำป่าที่ไหลผ่านท่วมขังมีระดังสูง
นายสดุดี พุทธัง ปลัดอาวุโสอำเภอพรานกระต่ายเปิดเผยว่า ได้ติดป้ายประกาศให้ทราบว่าเส้นทางสายดังกล่าว มีระดับน้ำสูง ช่วงเช้ารถสามารถผ่านไปมาได้ และให้ระวังอันตรายหากน้ำป่ายังหลากมาสมทบอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักในเขตพื้นที่เหนืออำเภอพรานกระต่าย ตรงกันข้ามหากไม่มีเหตุการณ์เพิ่มปริมาณน้ำป่า รุ่งเช้าระดับน้ำก็จะลดลง เนื่องจากพื้นที่อำเภอพรานกระต่าย มีลักษณะเป็นทางไหลผ่านของน้ำ แต่ในชุมชนและตัวเทศบาลตำบลน้ำจะท่วมขังหลายวัน ขณะนี้ทางอำเภอได้จัดเตรียมถุงยังชีพไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้วในเช้าวันพรุ่งนี้

ปทุมธานีเครียดน้ำท่วมบ้านผูกคอตาย

พ.ต.ท.ชัยทัศ ลิมกุล สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเหตุคนผูกคอตายในน้ำหลังบ้านเลขที่ 65/1 ชุมชนศาลาแดง ถนนบางกะดีสายใน ม.1 ต.บางกะดี อ.เมือง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติ สกุณี ผกก.ฯ และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ในที่เกิดเหตุภายในสวนหลังบ้านดังกล่าวพบศพนายสุนทร คุ้มกัน อายุ 34 ปีได้ใช้เชือกไนล่อนสีเขียวผูกคอห้อยกับกิ่งก้านต้นมะขาม ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น สภาพศพตั้งแต่ช่วงเอวลงมาแช่อยู่ในน้ำเจ้าหน้าที่ฯจึงให้อาสาสมัครมูลนิธิฯนำศพขึ้นมาบนบกเพื่อชันสูตรพลิกศพ เจ้าหน้าที่ฯ ม่พบบาดแผล และร่องรอยการถูกทำร้ายคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 12 ชม. ก่อนมอบศพให้มูลนิธิฯนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อผ่าพิสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้ง
นายชูศักดิ์ นามแก้ว อายุ 56 ปี ลุงผู้ตาย ซึ่งมีอาชีพเป็นสัปเหร่อวัดไผ่ตัน กรุงเทพฯ กล่าวเปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เคยไปเป็น ผช.สัปเหร่อ ที่วัด หลังจากนั้น ได้มาสมัครงานเป็นพนักงานขับรถที่ บ.ไทยบาจ จก.ที่อยู่ใกล้บ้าน โดยได้อาศัยอยู่กับนายบุญส่ง อายุ 56 ปี และนางอรทัย อายุ 54 ปี พ่อและแม่ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ตายได้ไปหาตนที่วัดและบ่นว่าเครียด เนื่องจากที่บ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว น้ำได้ท่วมพื้นและอยู่กันอย่างลำบาก บวกกับมีปัญหาเรื่องครอบครัว ตนจึงพยายามบอกว่าใจเย็นๆเดี๋ยวก็มีหน่วยงานมาช่วยเหลือ จนกระทั่งเช้าวันนี้(4 ต.ค.)นายสุรชัย คุ้มกัน อายุ 36 ปี พี่ชายผู้ตายที่มาพบศพ ได้โทรศัพท์มาบอกตนจึงรีบเดินทางมาดู โดยไม่คิดว่าจะคิดสั้นเพียงนี้
ด้าน พ.ต.ท.ชัยทัศ ลิมกุล สารวัตรเวรฯกล่าวว่าในเบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายอาจจะมีความเครียดทั้งด้านครอบครัว และด้านสภาพความเป็นอยู่เกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมหรือไม่นั้น ก็คงจะต้องมีการสอบสวนพยานแวดล้อมและสาเหตุการฆ่าตัวตายครั้งนี้ให้แน่ชัดอีกครั้งต่อไป

ทบ.เตรียม 9 ค่ายทหารลพบุรีจัดที่พักชั่วคราวประชาชนถูกน้ำท่วม

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ลพบุรียังคงวิกฤต ในขณะที่กองทัพบกได้สั่งให้หน่วยทหาร ในจังหวัดลพบุรี ปรับการบริหารจัดการและการช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมพื้นที่ และทันต่อสถานการณ์ โดยมอบหมายให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการแบบบูรณาการ พร้อมกระจายกำลังพลยุทโธปกรณ์ สิ่งของบรรเทาทุกข์ การให้บริการ ทางการแพทย์ อำนวยความสะดวกในการสัญจร และการช่วยเหลือในทุกด้านให้ครอบคลุมทั่วถึง ในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ตามเส้นทางคมนาคมที่ถูกน้ำท่วม หน่วยทหารของกองทัพบกจะดำเนินการปักเสาแสดงขอบถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันจะเพิ่มการใช้อากาศยานในการลาดตระเวน การขนย้ายผู้บาดเจ็บ การขนส่งถุงยังชีพเพื่อนำไปแจกจ่ายในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้กองทัพบกได้ประสานกองทัพอากาศขอรับการสนับสนุนเครื่องบินกระจายเสียง เพื่อใช้แจ้งเตือนข่าวสาร และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมาก ต้องอพยพออกจากบ้านไปพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ริมถนน หรือที่พักชั่วคราวที่จังหวัดจัดเตรียมไว้ให้
ล่าสุดกองทัพบกมอบให้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็นศูนย์กลางในการจัดเตรียมพื้นที่ในค่ายทหารในจังหวัดลพบุรี จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การบินทหารบก กองพลทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ค่ายนารายณ์ศึกษา โรงพยาบาลอานันทมหิดล กองบินที่ 2 และศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร เป็นสถานที่พักอาศัยชั่วคราว รองรับประชาชนที่เดือดร้อน และจำเป็นต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
ทางจังหวัดลพบุรีได้วางแผนการอพยพประชาชนในขั้นต้นโดยให้สามารถรองรับได้ประมาณ 60,000 คน ซึ่งขณะนี้ค่ายทหารทั้ง 9 แห่ง ได้ปรับอาคารเป็นสถานที่พักชั่วคราว จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้สามารถเข้าพักอาศัยได้ทันที มีห้องน้ำบริการอย่างเพียงพอ และสามารถติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการได้ มีอาหารสดบริการครบ 3 มื้อ พร้อมทั้งมีหน่วยแพทย์ให้บริการรักษาพยาบาล ทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจ พร้อมจัดชุดนันทนาการเข้าทำกิจกรรมร่วมกับประชาชนเพื่อคลายความวิตกกังวล ส่วนความคืบหน้าในการอพยพประชาชนเข้าพื้นที่ กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ร่วมระหว่างทางจังหวัดลพบุรี ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ที่มา www.komchadluek.net/detail/20111004/110958/ระดมกู้วัดไชยวัฒนารามน้ำท่วม.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น